ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.54 อ่อนค่าตามภูมิภาค-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.45-35.65

© Reuters ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.54 อ่อนค่าตามภูมิภาค-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.45-35.65

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.54 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัว อ่อนค่าเล็กน้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 35.51 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.44- 35.60 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรราว 3 พันล้านบาท "บาทอ่อนค่าตามภูมิภาค วันนี้น่าจะมีแรงเทขายเงินในภูมิภาคเพื่อทำกำไร เพราะตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา" นัก บริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.45 - 35.65 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 150.35 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 150.06 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ 1.0688 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 1.0753 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,408.30 จุด ลดลง 8.91 จุด, -0.63% มูลค่าการซื้อขาย 39,372.29 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,472.38 ล้านบาท - รมช.คลัง เผยยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ที่ ประชุม ครม.รับทราบในวันนี้ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะแถลงความชัดเจนของโครงการดังกล่าว ด้วยตัวเองในวันศุกร์ที่ 10 พ.ย. - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 5 พ.ย.66 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 22.62 ล้าน คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 203% สร้างรายได้เข้าประเทศ 954,239 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมาก ที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 3,693,227 คน จีน 2,833,349 คน เกาหลีใต้ 1,343,372 คน อินเดีย 1,326,579 คน และรัสเซีย 1,129,124 คน - สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก มั่นใจยอดส่งออกในปี 2566 จะหดตัวไม่มาก แค่ -1% ถึง -1.5% หลังแนวโน้มส่งออกกลับมาเป็นบวก 2 เดือนต่อเนื่อง โดยประเมินการส่งออกไทยในปี 67 เบื้องต้นคาดว่าจะ บวกไม่มากราว 0-2% - ครม.มีมติเห็นชอบโครงการชะลอสินเชื่อขายข้าวเปลือกนาปี ความชื้น 25% ให้เก็บเป็นเวลา 5 เดือน โดยรัฐบาล จะแทรกแซงให้สินเชื่อตันละ 12,000 บาท และให้ค่าเก็บรักษาคุณภาพข้าวตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 3 ล้านตัน และโครงการ สินเชื่อเพื่อให้สถาบันการเกษตรซื้อข้าวแทรกแซงตลาด โดยซื้อในราคานำร่อง ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 25% ราคาตันละ 12,200 บาท เป้าหมาย 1 ล้านตัน โดยทั้ง 2 โครงการใช้งบรวม 10,600 ล้านบาท ที่เหลือเป็นสินเชื่อ 44,437 ล้านบาท - ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 12 ปี หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน แต่ RBA ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกหรือไม่เพื่อฉุดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมาย โดย RBA ระบุข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า เงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่ จะอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานานขึ้น - สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือน ต.ค.ของจีนร่วงลง 6.4% สู่ระดับ 2.748 แสนล้าน ดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจลดลงเพียง 3.3% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 6 ส่วนยอดนำเข้า เพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 2.183 แสนล้านดอลลาร์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 4.8% โดยจีนมียอด เกินดุลการค้าในเดือนต.ค.ที่ระดับ 5.65 หมื่นล้านดอลลาร์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนสำหรับปี 2566 สู่ ระดับ 5.4% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค.ที่ 5% โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีกว่าคาดการณ์ในไตร มาส 3/2566 และการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ของจีน - กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ เตรียมเป็นเจ้าภาพต้อนรับนายเหอ ลี่ เฟิง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังจีน เป็นระยะเวลา 2 วัน เพื่อหารือประเด็นทางการทูต ณ เมืองซานฟรานซิสโก ระหว่าง วันที่ 9-10 พ.ย.นี้

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest