ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.79 แข็งค่าตามภูมิภาค สัปดาห์หน้าจับตาผลประชุม BOJ

© Reuters. ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.79 แข็งค่าตามภูมิภาค สัปดาห์หน้าจับตาผลประชุม BOJ

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.79 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.94 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.76 - 34.96 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าเช่นเดียว กับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ตามทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจเริ่มลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า "บาทแข็งค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค ไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่ๆ เข้ามา แต่เป็นไปตามดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังผลประชุมเฟด" นัก บริหารเงิน ระบุ โดยสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตาม คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย นโยบาย นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทต้นสัปดาห์หน้า จะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.75 - 35.00 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 141.75 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 142.33 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0956 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0986 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.09 จุด (+0.88%) มูลค่าการซื้อขาย 61,137.63 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,211.12 ลบ. - นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้า การลงทุนชายแดนและผ่านแดน โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดน เป็น 2 ล้านล้านบาท ในปี 2570 - วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ 3.4% (ยังไม่นับรวมผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต) โดย มีปัจจัยภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เช่น การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว, การบริโภคภาคเอกชนที่โตต่อเนื่อง, การใช้ จ่ายภาครัฐที่จะมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการลงทุนภาคเอกชนที่จะเติบโตดีขึ้น - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ มีแผนจะเดินทางไปเยือนจีนอีกครั้งในปี 2567 เพื่อหาทางยกระดับด้านความร่วม มือและปรับปรุงด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างสหรัฐกับจีน แม้ยังคงตั้งใจจะเผชิญหน้ากับจีนในด้านความมั่นคงของชาติและสิทธิมนุษยชน - องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวขึ้นสู่ 1.3% ในไตรมาส 3/2566 (ก.ค.-ก.ย.) เทียบกับการขยายตัวที่ 0.5% ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ OECD ระบุว่า จีน สหรัฐ และเม็กซิโกเป็นเพียง 3 ประเทศในกลุ่ม G20 ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวขึ้นในไตรมาส 4/2566 - กระทรวงพาณิชย์จีน รายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีน ยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีการลงทุนโดยตรง รวมถึงการลงทุนท่าเรือ การค้าเสรี จากแคนาดา เพิ่มขึ้น 110.3%, จากอังกฤษ เพิ่มขึ้น 94.6%, จากฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 90%, จากสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 66.1% และจากเนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 33% - รัฐบาลฮ่องกงได้ว่าจ้างธนาคาร 5 แห่งเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการขายพันธบัตรสีเขียวดิจิทัล (Digital Green Bond) หรือดิจิทัลกรีนบอนด์ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายครั้งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและ ภาคบริการขั้นต้น เดือนธ.ค.

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest