ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่า กังวล PMI ยูโรโซนชะลอตัว

© Reuters. ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่า กังวล PMI ยูโรโซนชะลอตัว

InfoQuest - สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (24 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนชะลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ 101.3418

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1071 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1124 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2824 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2859 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8681 ฟรังก์ จากระดับ 0.8661 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.4154 โครนา จากระดับ 10.3879 โครนา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 141.4370 เยน จากระดับ 141.8089 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3166 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3202 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลง หลังจากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB)/เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับ 48.9 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.7 จากระดับ 49.9 ในเดือนมิ.ย.

ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ร่วงลงสู่ระดับ 42.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 38 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 43.5 จากระดับ 43.4 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ร่วงลงสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 จากระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว

นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ก.ค. และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 27 ก.ค. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ทั้งเฟด และ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board

ส่วนในวันพุธจะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., วันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนมิ.ย. และในวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย.

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest