ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.05/07 เคลื่อนไหวตามภูมิภาค-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดสัปดาห์หน้า 34.90-35.20

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.05/07 เคลื่อนไหวตามภูมิภาค-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดสัปดาห์หน้า 34.90-35.20

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 35.05/07 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 35.11/12 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.03 - 35.19 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทยังไร้ปัจจัยใหม่ที่จะมีผลต่อทิศ ทางของค่าเงินบาท โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินยังเป็นไปตามสกุลเงินในภูมิภาค สำหรับคืนนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และดัชนีความ เชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน ส.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทต้นสัปดาห์หน้าไว้ที่ 34.90 - 35.20 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 144.60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 144.65/67 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ 1.0975 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0993/0995 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,535.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด (+0.11%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 61,820.21 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 304.21 ลบ. (SET+MAI) - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 55.6 ปรับตัวลดลงจาก เดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.7 โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือน มีปัจจัยสำคัญ คือ ความกังวลต่อความ ไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ - ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การที่ยังไม่สามารถ จัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ประชาชนกังวลต่อสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง และระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้เม็ดเงิน หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลง ประกอบกับการส่งออกที่มีแนวโน้มว่าทั้งปีจะติดลบ 2% ส่งผลกระทบต่อ supply chain แต่หาก จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในเดือนส.ค.หรือ ก.ย.นี้ และเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ คาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมาฟื้นตัวได้ อย่างต่อเนื่อง - ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนก.ค.66 ดีขึ้นทุกภูมิภาค จากปัจจัยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อ เนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ทยอยเดินทางเข้าไทย ประกอบกับภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น - ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.10-0.40% ต่อ ปี ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ธ.ก.ส.ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ไว้ที่ 6.975% ต่อปี ส่วน ลูกค้า MLR และ MOR ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.875% และ 7.125% ตามลำดับ - นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 67 โดยได้แรงหนุน จากการชะลอตัวของอัตราดอกเบี้ย และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ดึง ดูดแรงซื้อจากนักลงทุน - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค เดือนก.ค., ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาง สหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำ เศรษฐกิจเดือน ก.ค.

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest