ภาวะตลาดเงินบาท: บาทเย็นนี้ 35.11 อ่อนค่าเกาะกลุ่มภูมิภาค มองกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.20

© Reuters. ภาวะตลาดเงินบาท: บาทเย็นนี้ 35.11 อ่อนค่าเกาะกลุ่มภูมิภาค มองกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.20

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.11 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าเปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 35.05 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 34.99 - 35.12 บาท/ดอลลาร์ ในภาพรวมวันนี้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเมื่อ วาน ตามการย่อตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) โดยเงินบาทยังเกาะกลุ่มกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค สำหรับคืนนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/66 ของสหรัฐฯ ซึ่งถ้าตัวเลขออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด เงินบาทน่าจะแข็งค่าต่อ แต่ถ้าตัวเลขออกมาดี เงินบาทก็จะ อ่อนค่า นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.00 - 35.20 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.1070 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 146.44 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 146.12 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0861 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0867 ดอลลาร์/ยูโร - นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า หลังประชุม ครม. นัดแรกจะมีประกาศลดราคาค่าไฟ และค่าน้ำมันทันที ซึ่งตอนนี้อยู่ใน ระหว่างขั้นตอน ตลอดจนดูเรื่องนโยบายอื่นๆ ร่วมกันด้วย ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า มีการคุยเรื่อง ราคาพลังงาน ซึ่งกระทรวงพลังงานเตรียมการไว้แล้ว และคงมีการหารือต่อไปภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนก.ค.66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการ บริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และผู้เยี่ยม เยือนชาวไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การส่งออกยังคงชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ส่วน เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนก.ค.66 ได้ปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ขยายตัวได้ในทุกภูมิภาค อีกทั้งการ บริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีในภาคใต้ และภาคเหนือ - ธนาคารรายใหญ่หลายแห่งของจีน กำลังเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งเป็น มาตรการล่าสุดภายใต้คำสั่งของรัฐบาลจีน และมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ - หนึ่งในกรรมการของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในงานเสวนา ซึ่งจัดขึ้นโดยภาคธุรกิจในเมืองคูชิโระ ทาง ตอนเหนือของญี่ปุ่นว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 BOJ อาจมีข้อมูลมากเพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าเงินเฟ้อของญี่ปุ่น จะอยู่ที่ระดับเป้า หมายที่ 2% อย่างยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งเป็นระดับที่จะทำให้ BOJ สามารถถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินเป็นพิเศษ (ultra-loose monetary policy) ได้

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest